ปัญหาสุนัขจรจัด สาเหตุและแนวทางการแก้ปัญหา
จากการสัมมนาร่วมระหว่างสมาคมคุ้มครองสวัสดิภาพสัตว์แห่งโลก (THE WORLD SOCIETY FOR THE PROTECTION OF ANIMALS หรือ WSPA) กับกรุงเทพมหานครที่ผ่านมา เพื่อหากลยุทธ์การควบคุมสุนัขจรจัดให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการจำแนกแยกแยะสาเหตุที่มาปัญหาสุนัข/แมวจรจัด
ปัญหาสุนัขจรจัด เกิดจากการที่มีการเพิ่มของจำนวนประชากรสุนัขมากเกินไป (OVER POPULATION)
ซึ่งสาเหตุใหญ่ ๆ มาจาก :
- การขาดความรับผิดชอบของเจ้าของสัตว์
- การขาดความรับผิดชอบของผู้เพาะพันธุ์สัตว์
- การขาดความรับผิดชอบของผู้เพาะพันธุ์และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับพันธุ์สัตว์
- การขาดความรับผิดชอบของสัตวแพทย์
- การขาดความรับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐ
ผลกระทบต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม
|
ผลกระทบต่อคน
|
| ผลกระทบต่อสุนัขและแมว
|
- เป็นพาหะสำคัญนำโรคพิษสุนัขบ้า และโรคสัตว์ติดคนอื่น ๆ
- รบกวนและสร้างความเสียหายต่อปศุสัตว์
- มลพิษจากอุจจาระ
- มลภาวะจากเสียง
- สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการจราจร
|
- เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บบนถนน
- เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บโดยเจ้าของฟาร์ม,ปศุสัตว์
- โรค
- ภาวะขาดอาหาร (ทุพโภชนา)
- ดุร้าย
- ถูกทำลาย โดยผู้มีอำนาจหน้าที่
|
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยที่เอื้ออำนวยให้สุนัขจรจัดมีการดำรงชีวิตอยู่ได้ วิธีที่จะควบคุมจำนวนสุนัขให้ได้ผลที่ควรพิจารณา คือ
- เข้มงวดในการเคลื่อนย้ายสัตว์
- ควบคุมการผสมพันธุ์
- ควบคุมแหล่งที่อาศัย
โดยมี 3 องค์กรสำคัญที่มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา คือ
- ภาครัฐ
- สัตวแพทย์
- ประชาชน
และควรแก้ปัญหาที่รากเหง้าของสาเหตุ คือ
- การเพิ่มของจำนวนประชากรมากเกินไป (OVER POPULATION)
- การขาดความรับผิดชอบของเจ้าของ
โดยมีมาตรการสำคัญ 4 ประการ (THE KEY PRINCIPLE OF STRAY CONTROL) คือ
- การออกกฎหมายในระดับประเทศหรือท้องถิ่น
- การจดทะเบียนสุนัขเพื่อควบคุมสุนัขมีเจ้าของ การฉีดวัคซีน
- การทำหมัน
- การให้ความรู้เพื่อให้เจ้าของสัตว์เกิดความรับผิดชอบ และให้ประชาชนช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเห็นถึงประโยชน์ของการทำหมัน
มาตรการหลักทั้ง 4 มาตรการนั้นจะต้องทำไปด้วยกันจึงจะสำเร็จ
เรื่องราวและเบื้องหลังที่น่าสงสารของสุนัขจรจัด
ตามธรรมดาแล้วลูกสุนัขเมื่อแรกเกิดจะน่ารักมาก มีขนปุกปุยฟูรอบตัว หน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดู ทำให้น่ารักและน่ากอด ขี้ประจบ ชอบเล่นซุกซน และทำให้คนอยากมีสุนัขไว้เป็นเพื่อน
ในจังหวัดปทุมธานีของเราก็เหมือนกับที่หลาย ๆ แห่งในประเทศไทยและทั่วโลก เรื่องการดูแลและช่วยเหลือสัตว์ยังไม่ค่อยมีความสำคัญเท่าไรนักกับสังคม เพราะฉะนั้นลูกสุนัขจรจัดที่น่าสารจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไม่น่าเชื่อและห่างไกลจากความช่วยเหลือ แต่ก็ยังมีชาวบ้านที่มีจิตเมตตารักและสงสารสุนัขบางท่านก็นำลูกสุนัขจรจัดไปเลี้ยงดูที่บ้าน บางท่านก็นำอาหารมาแจกแก่สุนัขจรจัดตามถนนทุกวัน แต่ก็ยังน่าเศร้าใจที่ยังมีสุนัขจรจัดอีกมากหลายที่ยังถูกทอดทิ้งไม่มีใครให้ความเอาใจใส่เหลียวแล
และนอกจากนั้นก็ยังมีการซื้อขายลูกสุนัขที่มีเชื้อสายพันธ์ผสม มีชื่อเสียง(เพ็ดดีกรี) ที่ได้มาจากการผสมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องในร้านขายสัตว์เลี้ยงทั่วไปซึ่งเป็นความจริงที่น่าเศร้าใจเมื่อคิดถึงสภาพที่น่ากลัวนั้น ในเมืองของเราไม่มีความสนใจและไม่ให้ความสำคัญกับคำว่าความปลอดภัย แทบทุกวันและเป็นของธรรมดาท่านจะได้เห็นคน ๔ คนนั่งซ้อนกันบนจักรยานยนต์โดยมีสุนัขพู๊ดเดิ้ลตัวเล็กเท่าตุ๊กตา สองขายืนอยู่บนเข่าของคนขับและมือของมันก็แตะอยู่บนราวข้างหน้าคนขับ น่ากลัวเท่านั้นยังไม่พอ บางครั้งคนขับยังมีการกางร่มกันแดดอีกด้วย สุนัขตัวโตที่ไม่มีสายพันธ์ผสม ไม่มีชื่อเสียง(เพ็ดดีกรี)ไม่ถูกนับเข้าเป็นสัตว์เลี้ยงหรือเป็นสุนัขของครอบครัว แต่ก็ยังมีบ้านหลายบ้านที่เลี้ยง “หมาไทย”เอาไว้เฝ้าบ้าน ให้อาศัยอยู่ข้างนอกบ้านในขณะเดียวกันสุนัขที่มีสายพันธ์มีชื่อเสียง (เพ็ดดีกรี) ได้ถูกเลี้ยงดูอยู่ในบ้าน
ถูกเอามาปล่อยที่ถนนและที่วัด
ลูกสุนัขที่เราเห็นเดินเกะกะหาอาหารอยู่แถวถนนส่วนมากเป็นลูกสุนัขที่เกิดจากสุนัขจรจัด แต่บางตัวก็เป็นลูกสุนัขบ้านที่เกิดจากสุนัขที่มีบ้านอยู่ สุนัขที่มี เจ้าของ สุนัขจรจัดเหล่านี้ส่วนมากแล้วไม่เคยได้รับการทำหมัน ลูกสุนัขที่เกิดขึ้นในบ้านและที่เจ้าของไม่ต้องการเลี้ยงก็ถูกนำเอามาปล่อยทิ้ง ส่วนมากแล้วลูกสุนัขเหล่านี้จะถูกนำมาปล่อยแถวที่ ถนน ตลาดหรือวัด แทนที่จะรับผิดชอบหาที่อยู่ให้กับลูกสุนัข โดยติดต่อเพื่อนบ้านหรือคนรู้จักให้ช่วยรับเลี้ยงต่อ ที่ศูนย์รับเลี้ยงสัตว์ปทุมธานี ก็เคยได้พบถุงกระสอบข้าวเจตนามาวางแอบทิ้งอยู่หน้าประตูศูนย์จากผู้ไม่ประสงค์ออกนามซึ่งในกระสอบนั้นเต็มไปด้วยลูกสุนัขหลายตัว
ถ้าท่านไปตลาด ศูนย์การค้า บริเวณที่จอดรถ ท่านจะได้พบสุนัขที่น่าสงสารเหล่านี้ ท่านจะได้พบกับดวงตาที่อ่อนแสงแสดงความเป็นมิตร เดินเกะกะ รอคอยอาหารเหลือเททิ้งจากร้านค้า จากรถเข็นขายอาหาร เดินหาอาหารตามที่ทิ้งขยะ กินแทบทุกอย่างที่ขวางหน้าเพื่อปะทังความหิวและเพื่อความอยู่รอด มันเป็นชีวิตที่ “หมดหวัง” ความหวังหมดไปตั้งแต่แรกเริ่มถูกเอามาปล่อยทิ้ง แรกเริ่มที่มองหาเจ้าของไม่พบ ปล่อยให้อยู่แบบยถากรรม ท่านจะได้พบชีวิตที่น่าสงสาร น่าเวทนา หมดหวังเหล่านี้ได้แทบทุกแห่งแถวชุมชนไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าหรือตอนเย็น
ถ้าเป็นที่วัด สุนัขที่น่าสงสาร ที่ถูกนำมาปล่อยเหล่านี้ต้องต่อสู้ดุเดือดมากขึ้นอีกหลายเท่านัก เพราะวัดเองก็ไม่สามารถจะหาอาหารมาเลี้ยงสุนัขเหล่านี้ได้ทั้งหมด สุนัขต้องต่อสู้หาอาหารเอง ต้องปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มพวกสุนัขเจ้าถิ่นที่อยู่ในวัดมาก่อนให้ได้เพื่อความอยู่รอด เพราะถ้าเข้ากับพวกสุนัขที่อยู่ก่อนไม่ได้ก็หมายถึงตาย จะถูกรุมกัดและบาดเจ็บจนตาย การหาอาหารกินในวัดและตามแถวหมู่บ้านแสนจะลำบากยากเย็น เพราะส่วนมากชาวบ้านเขาก็มักจะเลี้ยง “หมาเฝ้าบ้าน”ไว้ป้องกันบ้านของเขากันอยู่แล้ว ไม่มีเศษอาหารหลงเหลือมาถึงพวก “หมดหวัง” น่าสงสารเหล่านี้ บางวัดมีสุนัขที่เจ้าของนำมาปล่อยทิ้งที่วัดร่วมร้อยกว่าตัว เป็นจำนวนที่น่าตกใจ ไม่ใช่เพราะท่านเจ้าอาวาสท่านต้องการจะลี้ยงสุนัขมากมายอย่างนี้ แต่ท่านก็ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ และบางวัดก็ยังมีเจตนาร้ายที่ต้องการกำจัดสุนัขออกจากวัดอีกด้วย ทั้งนี้เพราะเจ้าของสุนัขที่นำสุนัขมาปล่อยไม่มีความคิด ไม่มีความกรุณาสงสารและไม่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ที่มา :
http://th.carefordogs.org/objectives/about-homeless-dogs/